โรคหัวใจขาดเลือดมีสาเหตุมาจากการสะสมของไขมันและสารอื่น ๆ

แคลเซียมและโปรตีนบนผนังหลอดเลือดแดง กระบวนการนี้เรียกว่า “หลอดเลือดแข็งตัว” (Atherosclerosis) เมื่อหลอดเลือดแดงแคบลงจากการสะสมของคราบไขมัน เลือดจะไหลผ่านได้ยากขึ้น โรคหัวใจขาดเลือดและสารอาหารไม่เพียงพอ หากการไหลเวียนของเลือดถูกขัดขวางอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction หรือ Heart Attack) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดมีหลายประการ

ทั้งที่สามารถควบคุมได้และไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ได้แก่ พันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้น และเพศ โดยผู้ชายมีแนวโน้มเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงในวัยหนุ่มสาว อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน ส่วนปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ได้แก่ การสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง เบาหวาน โรคอ้วน การขาดการออกกำลังกาย และความเครียดเรื้อรัง อาการของโรคหัวใจขาดเลือดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดคือเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก

มักเกิดขึ้นระหว่างการออกแรงหรือความเครียดทางอารมณ์ อาการนี้เรียกว่า Angina Pectoris นอกจากนี้ยังอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจถี่ ใจสั่น หรืออาการเจ็บปวดที่ร้าวไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ไหล่ แขน หรือกราม ในบางกรณี โดยเฉพาะในผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ โรคหัวใจขาดเลือดในรูปแบบที่ไม่ชัดเจน เช่น คลื่นไส้ วิงเวียน หรือรู้สึกไม่สบายในช่องท้อง การวินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือดต้องอาศัยการตรวจร่างกายอย่างละเอียด

รวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการและเครื่องมือทางการแพทย์

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram หรือ ECG) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หลอดเลือดหัวใจ (Coronary CT Angiography) และการตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการเดินสายพาน (Stress Test) ในบางกรณี แพทย์อาจใช้การสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization) เพื่อดูการอุดตันของหลอดเลือดแดงอย่างแม่นยำ แนวทางการรักษาโรคหัวใจขาดเลือดมุ่งเน้นไปที่การลดความเสี่ยงและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด การรักษาอาจประกอบด้วยการใช้ยา เช่น ยาลดไขมันในเลือด ยาป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด และยาลดความดันโลหิต

การป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และคอเลสเตอรอลสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ และลดการบริโภคแอลกอฮอล์ สามารถลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การจัดการความเครียดและการตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อประเมินความเสี่ยงก็มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคนี้ โรคหัวใจขาดเลือดเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงและมีความซับซ้อนในด้านการป้องกันและรักษา อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับพฤติกรรมและการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถลดความเสี่ยงและมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้

โรคหัวใจขาดเลือด